5.1 สามารถบังคับใช้ครอบคลุมทุกหน่วยธุรกิจอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันและมีความยืดหยุ่นสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
(1) กำกับดูแลครอบคลุมทุกหน่วยธุรกิจอย่างเสมอภาค
กฎหมายฉบับเดิม
กฎหมายฉบับใหม่
*กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นต้องอยู่ภายใต้กฎหมายแข่งขัน
(2) การพิจารณาครอบคลุมรูปแบบธุรกิจที่มีความซับซ้อน (ธุรกิจในเครือ)
กฎหมายฉบับเดิม
กฎหมายฉบับใหม่
- อำนาจเหนือตลาด นับรวมส่วนแบ่งตลาดและยอดเงินขาย
- การตกลงร่วมกันถือเป็นคนเดียวกัน จึงไม่ถือเป็นความผิด
- การรวมธุรกิจ กรณีเป็นการรวมธุรกิจในเครือ ไม่ต้องขออนุญาตหรือแจ้งการรวมธุรกิจ
- พฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมทางการค้า กรณีที่บริษัทแม่มีส่วนรู้เห็นหรือว่าสั่งการถือว่าเป็นตัวการ
(3) ปรับปรุงบทนิยามต่างๆ ให้มีความชัดเจน ครอบคลุม และง่ายต่อการเข้าใจ
(เดิมไม่กำหนด) เช่น
- นิยามตลาด จะพิจารณาถึงสินค้าที่ทดแทนกันได้ ทั้งด้านสินค้า (คุณภาพ – ราคา – ประโยชน์) และด้านภูมิศาสตร์ (ระยะทาง – พื้นที่)
- นิยามปัจจัยสภาพการแข่งขัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าจะนำปัจจัยใดบ้างมาประกอบการพิจารณาเกณฑ์การเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด
(4) หลักเกณฑ์ที่ใช้บังคับต้องมีการทบทวนภายใน 3 ปี เพื่อให้มีความทันสมัย ทันต่อรูปแบบและพฤติกรรมการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
5.2 บทบัญญัติสอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลด้านการแข่งขันที่เป็นสากล และสามารถใช้บังคับได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
5.2.1 การป้องปราม
(1) การเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการบังคับใช้กฎหมาย
กฎหมายฉบับเดิม
กฎหมายฉบับใหม่
* ผู้ประกอบธุรกิจรับทราบและมีการเตรียมความพร้อม รวมทั้งมีโอกาสชี้แจงให้ข้อเสนอแนะ เพื่อไม่ให้กฎระเบียบ ข้อบังคับที่จะกำหนดเป็นประโยชน์ต่อการดูแลด้านการแข่งขันและสามารถบังคับใช้ได้จริง
(2) การขอรับการวินิจฉัยพฤติกรรมเป็นการล่วงหน้า
กฎหมายฉบับเดิม
กฎหมายฉบับใหม่
*ผู้ประกอบธุรกิจสามารถสอบถามได้กรณีที่สงสัยว่าพฤติกรรมของตนจะเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่
(3) ต้องเผยแพร่ผลการวินิจฉัยพฤติกรรมความผิดต่อสาธารณะ
กฎหมายฉบับเดิม
กฎหมายฉบับใหม่
*ผู้ประกอบธุรกิจสามารถเรียนรู้จากพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมายและต้องได้รับโทษ ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ และป้องกันมิให้เกิดการกระทำผิดซ้ำ
(4) การให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐที่ขัดขวางการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม
กฎหมายฉบับเดิม
กฎหมายฉบับใหม่
5.2.2 การปราบปราม
(1) บทลงโทษ
กฎหมายฉบับเดิม
กฎหมายฉบับใหม่
• กรณีเป็นโทษอาญา กขค. มีอำนาจเปรียบเทียบปรับ ทำให้มีกลไกในการเยียวยาแก่ผู้ได้รับความเสียหาย
ตารางเปรียบเทียบบทลงโทษ
กฎหมายฉบับเดิม
- การใช้อำนาจเหนือตลาด
- การตกลงร่วมกัน (Hard Core )
- การตกลงร่วมกัน (Others Cartel)
-การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมทางการค้า
- การรวมธุรกิจ
จำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กฎหมายฉบับใหม่
- การใช้อำนาจเหนือตลาด
- การตกลงร่วมกัน (Hard Core )
จำคุก 2 ปี ปรับ (อาญา) ไม่เกิน 10% รายได้ในปีที่กระทำความผิด(คณะกรรมการมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้)
พฤติกรรม
- การตกลงร่วมกัน (Others Cartel)
-การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมทางการค้า
จำคุก 2 ปี ปรับ (อาญา) ไม่เกิน 10% รายได้ในปีที่กระทำความผิด(คณะกรรมการมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้)
พฤติกรรม
- การรวมธุรกิจ
ไม่ขออนุญาตรวมธุรกิจ : ปรับ (ปกครอง) 0.05% ของมูลค่ารวมธุรกิจ กรณีไม่แจ้งรวมธุรกิจ : ปรับ (ปกครอง)
(2) การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกด้านการสืบสวนสอบสวน
กฎหมายฉบับเดิม
กฎหมายฉบับใหม่
• สามารถคัดเลือกผู้ที่ความรู้และมีเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
(3) การกำหนดให้ศาลทรัพย์สินฯ เป็นผู้พิจารณาความผิดที่มีโทษอาญา
กฎหมายฉบับเดิม
กฎหมายฉบับใหม่
(4) เพิ่มประสิทธิภาพ กลไกการระงับยับยั้งพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนหรืออาจฝ่าฝืนกฎหมาย จากโทษทางอาญาเป็นโทษทางปกครอง
กฎหมายฉบับเดิม
• กรณีที่ฝ่าฝืนหรืออาจฝ่าฝืน ผู้วินิจฉัยคือศาล ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจไม่เกรงกลัว
• กรณีที่ฝ่าฝืนคำสั่ง กขค. และศาลเห็นว่า ไม่ผิด แต่อาจต้องได้รับโทษจำคุกเพราะ ฝ่าฝืนคำสั่ง กขค.
กฎหมายฉบับใหม่
• กรณีที่ปฏิบัติตามคำสั่งไม่ต้องรับโทษ หากฝ่าฝืนคำสั่ง กขค. ลงโทษได้เอง และมีบทลงโทษตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืน
• กรณีที่ฝ่าฝืนคำสั่งและไม่ชำระค่าปรับทางปกครอง กขค. สามารถฟ้องศาลปกครองเพื่อยึดทรัพย์ ขายทอดตลาดชำระเป็นค่าปรับก็ได้
5.3 ยกระดับหน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันเป็นหน่วยงานที่มีสมรรถนะสูง ที่มีความ“โปร่งใส-เป็นกลาง-เป็นธรรม”
5.3.1 คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นอิสระปราศจากการแทรกแซง
กฎหมายฉบับเดิม
• ปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มเวลา (ประชุมเฉลี่ยปีละ 1-2 ครั้ง)
• ผู้ทรงฯ ใน กขค. ขาดความรู้-เชี่ยวชาญด้านการแข่งขันอย่างแท้จริง
• มีภารกิจด้านการแข่งขันทับซ้อนกับภารกิจด้านการบริหาร (ขอความร่วมมือภาคเอกชน)
• ภาคเอกชนในและต่างประเทศขาดความเชื่อถือในความเป็นกลาง-เป็นธรรม
กฎหมายฉบับใหม่
• อายุ 40-70 ปี วาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ได้ 2 วาระ
• เป็นผู้มีความรู้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ที่เหมาะสม โดยผ่านการคัดเลือก
• ต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งในภาคธุรกิจ และการเมือง
• เมื่อพ้นตำแหน่ง ห้ามไปดำรงตำแหน่งบริหารในธุรกิจที่เป็นคู่กรณีกับ สขค.
คณะกรรมการสรรหา 9 คน
ภาครัฐ : ปลัดพณ. /ปลัด กษ. /ปลัด อก. /ปลัด คลัง /ปลัด ยธ. /ลธ.สศช. /ลธ.สคบ.
ภาคเอกชน : ปธ.สภาหอฯ ปธ.สภาอุตฯ
5.3.2 สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นหน่วยงานอิสระและมีประสิทธิภาพสูง
กฎหมายฉบับเดิม
• ไม่สามารถคัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ ด้านการแข่งขันทางการค้าได้เอง
• ผลตอบแทนไม่เอื้อต่อการเป็นหน่วยงาน บังคับใช้กฎหมาย
• มิใช่ภารกิจเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาล จึงได้รับการพิจารณางบประมาณเป็นลำดับรอง
• ขาดความเชี่ยวชาญ-ต่อเนื่องในการบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากข้าราชการช่วยราชการ ในภารกิจของกรม และมีการโยกย้ายบุคลากรเพื่อความเหมาะสม
• กลไกราชการสามารถแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ได้ ทั้งจากผู้บังคับบัญชาและฝ่ายการเมือง
• มีข้อจำกัดในการจัดหาพื้นที่และเครื่องไม้เครื่องมือในการดำเนินงานของ สขค.
กฎหมายฉบับใหม่
• มีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการงาน เงิน คน ได้เอง ทำให้สามารถปรับรูปแบบของ สขค. เพื่อรองรับภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป (ภายใต้ระเบียบ กขค.)
• สามารถกำหนดคุณสมบัติ คัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถได้เอง โดยจ่ายค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ที่ต้องมีความโปร่งใส-เป็นกลาง-เป็นธรรม
• ปราศจากการแทรกแซงในการปฏิบัติหน้าที่ จากฝ่ายการเมือง